แนวโน้ม เทคโนโรยี 13 ตัวในปี 2018 (ฉบับผมคิดเอาเอง )
จากข้อมูลข่าวสารที่ได้ติดตาม มาในปี 2017–2016 คาดการณ์สิ่งที่จะค่อยๆเกิดในปี 2017–2018
ยังไม่คลอบคุลม เนื้อหาด้าน การแพทย์ สังคม อาวุธ การเดินทางในอวกาศ และ อืนๆ
สนใจลองแชร์ความคิดเห็นกันดูครับ
“Nexter”
1 AI สนับสนุน App ( AI Support Create App )
บัจจุบัน App ที่พัฒนาขึ้นมาจะพบว่ามีวงจรชีวิตการใช้งานที่สั้นมากขึั้น เรื่อยๆ เช่นใช้งานไม่เกิน 1–2 ปีก็ต้องมีเปลี่ยนและปรับปรุงเสียแล้ว เพราะไม่ตรงกับการเปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้ใช้งาน จากโจทย์นี้พบว่า App ส่วนมากที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ หรือ แก้ไขได้ยาก( เพราะขาดรายละเอียดการออกแบบ และแก้ไขได้เฉพาะผู้พัฒนาระบบ จนถึงยิ่งแก้ไขยิ่งเกิดปัญหา) ตัว App เองจะกลายเป็นปัญหาเสียเองในการใช้งานของผู้ใช้ ที่มีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานตลอดเวลาอันเนื่องมาจากยุคสมัยที่มีการแข่งขันสูง .
ดังนั้น App จึงต้องมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนได้เร็วเท่ากับความต้องการของผู้ใช้งาน วิธีการพัฒนา App จึงต้องหาวิธีการพัฒนาให้ทันความต้องการของผู้ใช้งานแบบทันเวลา ( OnDemand ) กระบวนการหนึ่งที่คาดว่าจะสร้าง App จากความต้องการแบบทันทีทันใดได้ในเวลาที่เร็ว การใช้ AI มีส่วนในสร้าง Code เพื่อ App ตามความต้องการจาก Requirement ที่ระบุความตั้องการใช้งาน
2 Blockchain เป็น BigData ( Blockchain To be BigData )
บัจจุบันเรารู้จักคำว่า BigData กันทุกๆคน เพราะเป็นเนื้อหาร้อนแรงเป็นกระแสมาตั่งแต่ปี 2011- จนถึงบัจจุบัน โดยเราจะรู้จักคำว่า BigData มาจากปริมาณการใช้งานบน Social ที่เติบโตสูงขั้นมาก ม่ีการใช้App Social สร้างและรับส่งข้อมูลระหว่างเพื่อนและคนที่ไม่รู้จัก ผ่านเครือข่าย Internet ในรูปแบบบุคคลต่อบุคคล องค์กรกับพนักงาน หรือแม้นแต่หน่วยงานรัฐบาลก็ร่วมเข้าใช้งาน ปริมาณข้อมูลที่แต่ละคนจึงสูงขึ้น และข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาใช้วิเคราะห์ เพื่อจะได้รู้แบบพฤิตกรรมของของ ผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี นี้คือที่มาของความต้องการ BigData จากข้อมูล Social ที่มีข้อมูลในรูปแบบ Unstructure เป็น Text ที่ใช้งานได้ยากและเกิดปัญหาความน่าเชื่อถือข้อมูลบน Social ที่แชร์กัน จะขาดความมั่นใจในข้อเท็จจริงของเนื้อหาว่า จะตรงไปตรงมาหรือบิดเบือน โน้มน้าวเนื้อหาไปในทิศทางใด ระบบข้อมูลจึงต้องการความเชื่อมั่น ตรวจสอบได้ ว่าเนื้อหามาจากที่ไหน และ ส่งต่อไปไหน และมีความแม่นยำไม่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ข้อมูลที่ว่านี้บัจจุบันจะได้มาจากเครือข่ายการแลกเปลี่ยนข้อมูล ที่เรียกว่า Blockchain สามารถสร้างความเชื่อมั่นในข้อมูลจาก ประสบการณ์การใช้งานระบบเดียวกันใน ระบบโอนเงินชำระเงิน E-Currency ยกตัวอย่าง Bitcoin เป็นค้น
3 ระบบการค้าประชาธิปไตย (Democracy Commerce System)
บัจจุบัน โลกของอินเตอร์เนท ได้สร้างเครื่องมือค้าขายให้กับ ผู้ขายและผู้ซื้อ สามารถซื้อขายระหว่างกันได้ในแบบ C2C แต่เมือไรที่ต้องมีเรื่องของภาษีการค้าการซ์้อขายที่เกิดบน Internet จะได้เปรียบในขั้นตอนที่หลีกเลี่ยงภาษี โดยเป็นการขายให้กับลูกค้าบุคคลแทนที่จะเป็นลูกค้าองค์กร ทำให้ไม่เกิดความเท่าเทียมกัน รวมถึงเรื่องการค้าระหว่าง รายเล็กกับรายใหญ่ ที่มักถูกกำหนดกติการการจัดส่งเอกสาร ให้เป็นไปในแนวทางสดวกกับรายใหญ่ โดยจะเพิ่มกระบวนการ ยีดเวลา ลดเวลา รวมทั่ง ค่าใช้จ่ายด้านเอกสารการค้าที่ต้องต้องเป็นกระดาษ และจัดส่งโดยการเดินทาง ที่รายใหญ่ได้เปรียบรายเล็ก และ รายเล็กไม้สามารถทำแบบเดียวกันกับ รายใหญ่ได้ เป็นความไม่เท่่าเทียมกันทางการค้าที่เป็นเรื่องทั่วๆไปในเมืองไทย ทิศทางนี้ในต่างประเทศจะแตกต่างกันไป เนื่องจากนิยามสร้าง Platform รับส่ง การแลกเปลี่ยน หรือแชร์ เอกสารข้อมูลระหว่างกัน บนเครือข่าย ที่สามารถทำได้เพราะมี Blockchain จนถึง แต่ละหน่วยธุรกิจจะมี Space ที่สามารถใช้ติดต่อแลกเปลี่ยนเอกสาร ผ่านรูปแบบ OpenAPI , OpenData
4 Person Space เชื่อมต่อทุกอย่าง ( Person Space Connected everything )
บัจจุบัน Social App ที่มีใช้งานอยู่จะมีลักษณะเหมือนกัน คือให้บริการฟรี โดยจะจัดเก็บข้อมูลไว้ที่เครือข่ายของผู้ให้บริการ App Social โดยไม่สามารถโอนย้ายข้อมูลออกมาได้ โดยสมบูรณ์หรือมีความยุ่งยากในการจัดการข้อมูล แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นคือ ผู้ใช้งานจะลงทุนในการ Space สำหรับการจัดเก็บเอกสารของตนเองเอง เพราะถ้าอยู่กับตัวเอง จะสามารถที่จะ Backup หรือบริหารจัดการข้อมูลตนเอง อย่างไรก็ได้ และจะแชร์ให้กับใครก็ได้ โดย Space จะเชื่อมถึง SpaceChain เป็นเครือข่ายการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ Space อื่นๆ โดยในแต่ละ Space จะมีความสามารถในการจัดการนำข้อมูลของตนเองบน Social App ทุกๆเจ้ารวบรวมเข้ามาจัดเก็บไว้ใน Personspace เพียงที่เดียวกัน โดยข้อมูลจะสามารถ Backup ทำสำรองขึ้นอยู่กับแนวทางการจัดการของเจ้าของ PersonSpace
5 OpenData / OpenAPI / เอกสารมาตรฐาน / อินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้ ( OpenData / OpenAPI / Standard Document / Trusted Internet )
.ในโลกของ เศรษฐกิจดิจิตอล ( Digital Economy ) ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนสภาพแวดล้อมจากเดิม จากที่ต้องเดินทางก็หันไปใช้ Mobile App ในการเข้าถึงสื่อสาร หรือทำธุรกรรมการค้าระหว่างกันผ่านเครือข่าย Internet ++ ( น่าเชื่อถือและปลอดภัย) เดิมจะกระทำผ่าน Mobile App ที่สั่งงานไปยัง Space ของตนเองเพื่อให้มีการสือสารถกับ Space ของหน่วยอื่นๆ โดยใช้เทคโนโรยี บัจจุบันที่เรียกว่า OpenData OpenAPI โดยให้รูปแบบของข้อมูลเป็นมาตรฐาน ( ISO -xxx) โดยมีขั้นตอนการยืนยันตัวตนของเจ้าของหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเอกสาร
6 องค์การสร้างระบบประสาทดิจิตอล ( Consolidate/Security Iot =Digital Nervous System Organization )
ความในใจของผู้บริหารยุคใหม่ทุกคนอยากจะบริหารธุรกิจด้วยการใช้ข้อมูลจากกิจกรรมทั้งหมดทีเกิดขึั้นภายในองค์กร
นำมาใช้บริหารอย่างครบถ้วน ในแบบที่เรียกว่าบริหาร 360 องศา
แต่เรายังไม่เคยที่จะทำเรื่องแบบนี้สำเร็จ เพราะข้อมูลหลายอย่างของธุรกิจไม่พร้อมที่จะนำเข้าสู่ระบบ ถ้าไม่มีอุปกรณ์ Device อย่าง Iot ที่มีความสามารถในการตรวจสอบวัดผลและแปลงสภาพข้อมูล จากกิจกรรมของบุคคล กิจการค้าในพื้นที่ธุรกิจ รวมทั่งข้อมูลสิ่งแวดล้อมของสถาณประกอบการ ส่งผ่านเข้ามายังฐานข้อมูลองค์กร เพื่่อนำมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ร่วมกับ ข้อมูลอื่นๆ เพื่อจะได้รู้เร็วและทันเวลาที่จะตัดสินใจ ในการสั่งการแนะนำหรือ แจ้งยังส่วนงานที่รับผิดชอบก่อนที่จะช้าเกินไป จนไม่สามารถแก้ไขได้ จัดการตั่งแต่เรื่องยังเล็กๆก่อนจะขยายผลเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไขได้ยากหรือใช้เวลานาน หรือยอบรับเป็นความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้ ปล่อยเป็นบทเรียนสำหรับครั้งต่อไป
7 การถ่ายทอดความรู้สู่บุคคลโดยตรง ( Knowledge Direct Transfer Person to Person )
องค์กรเป็นที่รวมของกลุ่มคนที่ทำงานร่วมกันเพื่อวัตถุประสงค์ของธุรกิจ โดยที่พนักงานขององค์กรไม่จำเป็นที่จะมีความสามารถที่เหมือนกันเท่ากันเพราะทุกคนมีความแตกต่างโดดเด่นไม่เท่ากัน ดังนั้นถ้าใครโดดเด่นในภาพของ ประสิทธภาพสูงด้วยความรู้ความเข้าใจมีเทคนิกวิธีการทำงาน ที่เป็นเฉพาะตัวที่จะทำงานได้เสร็จเร็วมีคุณภาพทันเวลา ควรที่องค์กรจะได้รับรู้ว่าความรู้นี้มีประโยชน์ ในฐานะของ Knowledge Worker ที่จะได้ค่าตอบแทนในความโดดเด่นนั้น และเข้าสู่กระบวนการจัดทำเป็นความรู้ที่จะสามารถนำไปช่วยยกระดับความสามารถของ ทีมงานคนอื่นๆที่ยังขาดความสามารถในการใช้ความรู้นี้ในการทำงาน โดยองค์ความรู้นี้จะสามารถนำมาใช้ในการถ่ายทอดให้กับ AI และ พนักงานได้เรียนรู้เพื่อปฎิบัติได้ผลในแบบเดียวกัน จนกว่าจะมีองค์ความรู้ที่ดีกว่า มาทดแทน
8 การแบ่งปันสินทรัพย์ด้านเศรษฐกิจ OnDemand(Sharing Asset Economy OnDemand )
สำหรับนักลงทุนที่ได้ผ่านการลงทุนมา ท่านจะได้ Asset ที่เก็บสะสม และทรัพย์สินเหล่านั้นยังขาดการสร้างคุณค่าเป็นสินทรัพย์ที่ยังไม่สามารถ Utilize ให้เกิดคุณค่ากับผู้ต้องการ บัจจุบันแนวทางการแชร์ทัรพย์สินเพื่อให้ผู้อื่นได้เช่าใช้ช่วงในระยะเวลาหนึ่งบัจจุบันจะเป็นไปได้ง่ายขึั้น เพราะเรามี Social App แต่การ Share Asset ยังจำกัดอยู่กับทรัพย์สินไม่กี่ตัว แต่ในยุคนี้ทรัพย์สินแต่ละประเภทจะสามารถบริหารจัดการ การ Share เพื่อให้เพื่อนๆได้สามารถใช้กันได้โดยมีค่าตอบแทนตามการใช้งาน ได้โดยมีกระบวนการรับประกันหรือรับผิดชอบ ความเสี่ยงหรือเสียหายจากการแชร์เพื่อเช้าใช้ทรัพย์สิน ได้อย่างเป็นระบบและปลอดภัยโดยมีการคุ้มครองที่เป็นไป สัญญาข้อตกลง ( Service Level Agreement ) ใน SmartContract
9 ความเหนือจริงที่เพิ่มขึ้นของสังคม (AR) / ความเป็นจริงทางสังคมเสมือนจริง (VR) ( Social augmented Reality (AR) / Social Virtual reality (VR) )
เราได้ใช้ Social App เพื่อสร้างกิจกรรมระหว่างเพื่อน กลุ่มธุรกิจกันมาแล้ว แต่ด้วยอุปกรณ์ VR ที่ทันสมัยและการมีข้อมูลที่สามารถนำเสนอในรูปแบบ ตื้่นตาตื่นใจได้แบบ AR / VR จะเข้ามาช่วยเสริมเพื่อยกระดับ กิจกรรมบน Social ให้มีโลกเสมือนที่เหนือจริงระหว่าง Social ของสมาชิกที่จะเข้ามาใช้ ปฎิสัมพันธ ได้อย่างไม่เคยเห็นมาก่อนในอดีต เช่นที่ FaceBook นำเสนอ FaceSpace
10 เลขาผู้ช่วยมีให้กับทุกคน ( Assistant Intelligence Everywhere )
ระบบผู้ช่วยบน Social จะเริ่มขอสิทธในการเข้าถึัง Space ที่จัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานระบบที่ปรึกษาในรูปแบบของ เลขาส่วนตัว เพื่อจัดการภาระส่วนตัวในการทำงานออกไปให้ระบบ เลขาส่วนตัวได้จัดการแทน และเลขาส่วนตัวจะเรียนรู้บุคลิกภาพของ ผู้ใช้งานรู้ว่า ความชอบหรือไม่ชอบ ตารางเวลาการทำงาน หรือ วงจรการใช้ชีิวิตของผู้ใช้ในแต่ละวันทำอะไรบ้าง เสริมเติมเต็มให้ส่วนที่ขาด โดยทยอยรองรับภาษาทุกๆภาษาเพื่อเชื่อมโยง ผู้คนในแต่ละพื้นที่เข้าหากันโดยมีผู้ช่วยที่เข้าใจเป็นตัวกลาง จัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้
11 คนฝึกอบรม AI ( Worker for Training AI )
AI จะมีความสามารถรับใช้คนได้มากน้อยแค่ไหน ขึั้นอยู่กับหลายบัจจัย นอกจากจะเรื่องของการเลียนแบบ Model ของสมองเป็น Deep Learning Model ใหม่ๆ ยังต้องมีขั้นตอนของการเตรียมข้อมูลเพื่อสอนพร้อมทดสอบ ให้กับ AI ที่จะสามารถทำงานบน Robot หรือ Bot (ไม่มี Body )ที่จะแสดงออกอย่างเหมาะสม มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน ยังต้องการผู้สอนที่ดี ที่จะมาจัดการถ่ายทอดโดยสร้างชุดการสอน พร้อมข้อมูลการสอนที่มีคุณภาพให้กับ AI ประเภทต่างๆตามลักษณะของการนำไปใช้
12 เมืองพลังงานแสงอาทิตย์ทุกที่ ( Solar City Everywhere)
เรื่องของโลกร้อน เป็นปัญหาที่หนักขึ้นทุกวัน ทุกคนเห็นผลกระทบกันทั่วโลก จากผลกระทบโลกร้อนขึั้นจากภาวะมี Co2 บนอากาศจากการใช้เชื่อเพลิงฟอสซิล การเตรียมตัวในระยะเวลาหลายปี ส่งผลกระทบให้ในปีหน้า มีเทคโนโรยีที่สามารถทดแทนพลังงานจากฟอสซิลขยายตัวอย่างมาก เช่น Battery และ แผงโซลาเซล ที่ราคาถูกลง มีประสิทธภาพมากขึั้น จนเกิดความคุ้มทุนในการนำใช้ทั้งในระบบขนส่ง ภายในบ้าน หรือ ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างแพร่หลาย
13 รูปแบบการเรียนรู้ลึก ๆ (Deep Learning Model ) Reverse Engineering สมองทั้งหมด ( Deep Learning Model Reverse Engineer All Brain )
ความเข้าใจสมองมนุษย์ทุกส่วน ในปีหน้าคาดการณ์ว่า Deep learning Model จะถอดส่วนประกอบของความสามารถของ สมองทุกส่วน ตั่งแต่ สัมผัส รู้สึก การนึกคิด ทบทวน แก้ไขปัญหา ตัดสินใจ กระทำตามแนวทางที่เลือก ได้ผลลัพท์ย้อนกลับ ครบเป็นวงจร โดยมีทั้งการเรียนรู้ด้วยการสอนและด้วยตนเองในบางส่วน โดยมีผู้สนใจทำออกมาให้บริการเพื่อนำใช้ แบบเปิดกว้างในปี 2018 เช่นเดียวกับปี 2017 แต่จะมีความสมบูรณ์แบบมากกว่า โดยมีเกรณ์ที่วัดความสามารถเทียบกับคน ตามประเภทของงาน ความสามารถที่ได้จะช่วยยกระดับเครื่องมือทุกประเภท จะมีผลต่อประสิทธภาพการทำงานของอุปกรณ์ทุกชนิดอย่างมาก และกระทบกับสังคมอย่างต่อเนื่อง
ขอขอบคุณภาพประกอบ จาก Internet ทางผู้เขียนไม่ได้สร้างเองแต่แชร์ภาพจากบทความต่างๆบน Internet โดยนำเสนอในรูปแบบ OpenDocument